ยาปลูกผม เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดฮิตสำหรับคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาผมร่วงและผมบาง แต่เคยสงสัยไหมคะว่ายาลูกผมทำงานอย่างไร และที่สำคัญจะได้ผลจริงหรือไม่ เพราะปัญหาผมร่วงนั้นส่งผลต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพของเรา ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับผู้สูงวัย แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย
วันนี้ Dr.Orn Clinic : Medical Hair จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับยาปลูกผม ว่าสิ่งนี้คืออะไร มีกลไกการทำงานอย่างไร และควรเลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
โดยส่วนมากแล้วยาปลูกผมมักจะมาในรูปแบบของเซรั่มปลูกผมหรือยาแบบรับประทาน ซึ่งสามารถเห็นได้ทั่วไป และยาเร่งผมแต่ละรูปแบบนั้น มีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันไป เรามาทำความเข้าใจกันง่าย ๆ โดยแยกออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
ยาปลูกผมแบบทา ทำงานโดยการช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ ส่งเสริมการทำงานของรากผม ส่วนใหญ่เป็นตัวยาที่มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด เช่น ยาปลูกผม Minoxidil ซึ่งได้รับการรับรองทางการแพทย์ ใช้โดยการหยดหรือพ่นลงบนหนังศีรษะบริเวณที่ผมบาง
มีฤทธิ์ช่วยลดฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมร่วงจากพันธุกรรม ตัวยาที่ได้รับการรับรอง เช่น ยาปลูกผม Finasteride และ Dutasteride แต่การกินยาปลูกผม ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
แม้ว่ายาปลูกผมบางชนิดจะได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าช่วยชะลอหรือกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้ แต่ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสาเหตุของปัญหาผมร่วงและการตอบสนองของแต่ละบุคคลค่ะ
ไม่ใช่ทุกคนที่ผมร่วงหรือผมบางจะต้องใช้ยาปลูกผมอย่างเดียวค่ะ เพราะสาเหตุของปัญหานั้นมีหลายปัจจัย บางกรณีสามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับพฤติกรรมหรือดูแลสุขภาพ แต่ในบางกรณี การใช้ยาแก้ผมร่วงอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แล้วลักษณะของผมร่วงแบบไหนที่ควรเริ่มใช้ยารักษาผมร่วง มาดูกันค่ะ
ลักษณะของผมร่วงจากพันธุกรรม คือผมบางที่เริ่มจากกลางศีรษะหรือแนวไรผมด้านหน้า (M-shaped) เกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง สามารถใช้ยาปลูกผม Minoxidil หรือ Finasteride เพื่อลดการหลุดร่วงและกระตุ้นให้เส้นผมงอกขึ้นมาใหม่ได้
ผมบางจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง มักพบในผู้หญิงหลังคลอด หรือช่วงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อวงจรเส้นผม ทำให้รากผมอ่อนแอและเส้นผมบางลง แต่การใช้เซรั่มปลูกผมควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากตัวยาบางชนิดอาจมีข้อจำกัดสำหรับผู้หญิง
ภาวะผมร่วงแบ่งออกได้เป็นการร่วงแบบฉับพลัน หรือการร่วงแบบเรื้อรัง ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้ คนไข้จะพบว่าผมร่วงมากกว่าปกติ อย่างผมหลุดติดมือง่าย หรือร่วงมากกว่า 100 เส้น/วัน โดยสาเหตุที่เกี่ยวข้องมักเกิดจากความเครียดทางกาย ทางใจ และอาการเจ็บป่วยของโรคบางอย่าง เช่น ไทรอยด์ ภูมิคุ้มกันผิดปกติ หนังศีรษะอักเสบ ภาวะขาดสารอาหาร น้ำหนักขึ้นลงเร็ว หลังผ่าตัดศัลยกรรม การทานยาบางชนิด แม้ว่าผมร่วงประเภทนี้จะสามารถฟื้นตัวได้เอง แต่ในบางกรณีอาจต้องใช้ยาปลูกผมช่วยลดการร่วงและเร่งกระบวนการงอกใหม่
การทำสีผม ดัดผม หรือใช้ความร้อนบ่อย ๆ อาจทำให้รากผมอ่อนแอ หากรากผมยังไม่ถูกทำลายถาวร ก็สามารถใช้เซรั่มปลูกผมเพื่อช่วยให้เส้นผมกลับมาแข็งแรงขึ้นได้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผมร่วงผิดปกติ ผมร่วงเป็นหย่อม ๆ หรือมีอาการคัน แดง อักเสบเป็น ๆ หาย ๆ ร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของปัญหาหนังศีรษะที่ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์
ทุกวันนี้ยาปลูกผมมีจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ทั้งยาปลูกผมในร้านขายยา ห้างสรรพสินค้า และแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้หลายคนเกิดคำถามว่ายาปลูกผมที่วางขายอยู่ทั่วไปนี้อันตรายหรือไม่ และสามารถใช้ได้โดยไม่ต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหรือเปล่า เรามาดูลักษณะของยาปลูกผมที่เห็นผลจริง พร้อมดูข้อควรระวังเกี่ยวกับยาปลูกผมที่อาจเป็นอันตรายกันค่ะ
ยาปลูกผมที่มีมาตรฐาน มีลักษณะอย่างไร?
ข้อควรระวังเกี่ยวกับยาปลูกผมที่อาจเป็นอันตราย
แม้ว่าเซรั่มปลูกผมบางชนิดจะช่วยกระตุ้นการงอกของเส้นผมได้จริง แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์โดยไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง อาจเสี่ยงต่อสุขภาพของหนังศีรษะและรากผมได้ค่ะ
ปัจจุบันยาปลูกผมและเซรั่มปลูกผม มีให้เลือกมากมายในท้องตลาด แต่ไม่ใช่ทุกตัวที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีค่ะ หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีมาตรฐาน อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือไม่เห็นผลลัพธ์อย่างที่คาดหวัง ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญต่อไปนี้
ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสามารถตรวจสอบเลขที่จดแจ้งผ่านเว็บไซต์ของ อย. ได้
ยาปลูกผมที่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ เช่น ยาปลูกผม Finasteride และ Minoxidil ที่มีกลไกที่ช่วยกระตุ้นรากผมโดยตรง ปริมาณยาที่ใส่ต้องเหมาะสม ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีสารต้องห้าม หรือการไม่มีการระบุส่วนผสมที่ชัดเจน
ควรซื้อยาปลูกผมในร้านขายยา คลินิก หรือเว็บไซต์ทางการของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือเท่านั้น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการซื้อตามตลาดนัดหรือร้านค้าออนไลน์ที่ไม่มีข้อมูลผู้ขายชัดเจน เพราะอาจได้สินค้าปลอมหรือสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
คำโฆษณาชวนเชื่อ ฟังแล้วดูเกินจริง อาจเป็นกลลวงทางการตลาดที่แม้อาจดึงดูดใจได้ตั้งแต่ครั้งแรก แต่หากพิจารณาดี ๆ แล้วไม่มีผลิตภัณฑ์อะไรที่จะสามารถทำให้ผมขึ้นเร็วได้ภายใน 1-3 วันที่ใช้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์รองรับเท่านั้นค่ะ
แต่ละคนมีปัญหาผมร่วงที่แตกต่างกัน เช่น ผมร่วงจากพันธุกรรม หรือผมร่วงจากฮอร์โมน ควรเลือกยาปลูกผมให้ตรงกับสาเหตุของปัญหามากที่สุด หากไม่แน่ใจว่าควรเลือกผลิตภัณฑ์แบบไหน หรือยาปรับฮอร์โมน ลดผมร่วง ควรใช้แบบไหนดี Dr.Orn Clinic : Medical Hair แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมที่สุดค่ะ
ยาปลูกผมที่ได้รับการรับรองทางการแพทย์และใช้กันอย่างแพร่หลาย สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละตัวมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันค่ะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง และแต่ละประเภทเหมาะกับใครบ้าง
ยาปลูกผม Finasteride เป็นยากินปลูกผมที่ช่วยลดฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ซึ่งเป็นตัวการหลักของผมร่วงจากพันธุกรรม ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha reductase type 2 ทำให้ระดับ DHT ลดลง และช่วยให้วงจรเส้นผมกลับมาแข็งแรง อีกทั้งยังเป็นยาแก้ผมร่วง ผู้ชายสามารถทานได้ เพราะเหมาะสำหรับผู้ชายที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ยาปลูกผมดูทาสเทอไรด์ (Dutasteride) เป็นยากินปลูกผมคล้ายกับฟีนาสเตอไรด์ แต่มีฤทธิ์แรงกว่า เพราะสามารถยับยั้งเอนไซม์ 5-alpha reductase ได้ทั้ง type 1 และ type 2 ส่งผลให้การออกฤทธิ์ดีกว่า Finasteride จึงมีประสิทธิภาพในการรักษาผมร่วงจากพันธุกรรมที่รุนแรงกว่า เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีปัญหาผมร่วงจากพันธุกรรมขั้นรุนแรง แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
ยาปลูกผม Minoxidil เป็นเซรั่มปลูกผมที่ทำงานโดยขยายหลอดเลือดบริเวณหนังศีรษะ กระตุ้นให้รากผมได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีความเข้มข้น 2% และ 5% ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาผมร่วงของแต่ละคน เหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะผมบางทั่วไปหรือผมบางจากพันธุกรรม แต่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาหนังศีรษะอักเสบหรือแพ้ง่าย
ยาปลูกผมอาจมีผลข้างเคียงได้เช่นเดียวกับยาอื่น ๆ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวยาที่ใช้และความไวของร่างกายแต่ละคนค่ะ โดยยาปลูกผม Minoxidil (ยาทา) อาจทำให้เกิดอาการหนังศีรษะแห้ง คัน หรือระคายเคืองในบางราย ส่วนยาปลูกผม Finasteride และ Dutasteride (ยากิน) จะพบผลข้างเคียงเรื่องฮอร์โมนเพียง 2% ซึ่งถือว่าน้อยมาก และมักจะหายไปเมื่อหยุดใช้ยา
หากกังวลเรื่องผลข้างเคียง สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมอย่างเช่น Dr.Orn Cosmez Onagain Hair Tonic ซึ่งเป็น Hair Growth Serum เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากต้นอ่อนถั่วลันเตาและดอกโคลเวอร์แดงที่ช่วยฟื้นบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะ ทำให้เส้นผมดูหนาขึ้น แข็งแรง ร่วมกับการรับประทาน Onamin supplement เป็นวิตามินบำรุงเส้นผมโดยเฉพาะ ช่วยกระตุ้นรากผมให้แข็งแรง ลดการร่วงของเส้นผม
นอกจากยาปลูกผมแล้ว การได้รับวิตามินบำรุงผมที่จำเป็นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการหลุดร่วง และกระตุ้นให้ผมขึ้นใหม่ได้ดีขึ้นค่ะ ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมมีหลายชนิด แต่ที่โดดเด่นและได้รับการศึกษาว่ามีส่วนช่วยบำรุงเส้นผม ได้แก่
แม้หลายคนจะหันมาใช้ยาปลูกผมเพื่อแก้ปัญหาผมร่วง แต่กลับพบว่าไม่ได้ผลอย่างที่คาดหวัง ซึ่งจริง ๆ แล้วสาเหตุของการที่ยาไม่สามารถช่วยฟื้นฟูเส้นผมได้นั้น อาจเกิดจากหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดค่ะ
หนึ่งในเหตุผลหลักคือการเลือกใช้ยาปลูกผมที่ไม่เหมาะกับสาเหตุของปัญหาผมร่วงของตัวเอง ยาปลูกผมมีหลายประเภท แต่ละชนิดทำงานแตกต่างกัน หากปัญหาผมร่วงเกิดจากฮอร์โมน ต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมนเท่านั้นจึงจะได้ผล แต่หากเกิดจากการขาดสารอาหารหรือปัจจัยอื่น การใช้ยาเหล่านี้อาจไม่ได้ช่วยให้ผมกลับมาหนาขึ้น
อีกปัจจัยที่ส่งผลให้ยารักษาผมร่วงไม่ได้ผล คือปัญหาผมร่วงที่มาจากภาวะอื่น เช่น ความเครียดเรื้อรัง การขาดวิตามิน รวมถึงผลข้างเคียงจากยา การใช้เซรั่มปลูกผมเพียงอย่างเดียวโดยไม่แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ อาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน นอกจากนี้ ความสม่ำเสมอก็เป็นสิ่งสำคัญ ยาปลูกผมไม่ใช่ยาที่เห็นผลได้ทันที แต่ต้องใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมใหม่ หลายคนอาจหยุดใช้ก่อนเวลาเพราะคิดว่ายาไม่ได้ผล ซึ่งจริง ๆ แล้วกระบวนการงอกใหม่ของเส้นผมต้องใช้เวลาและต้องอาศัยความอดทนในการรักษาค่ะ
อีกสาเหตุหนึ่งที่หลายคนมองข้ามคือภาวะรากผมฝ่อถาวร ซึ่งหมายถึงกรณีที่รากผมไม่สามารถผลิตเส้นผมได้อีกต่อไป หากรากผมไม่ทำงานแล้ว แม้ใช้ยาปลูกผมที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถช่วยให้ผมงอกขึ้นใหม่ได้ ควรเลือกวิธีการปลูกผม และที่สำคัญ ยาปลูกผมที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีการรับรองทางการแพทย์ อาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ไม่ได้ผล ยาบางชนิดที่หาซื้อตามอินเทอร์เน็ตหรือท้องตลาดอาจมีส่วนผสมที่ไม่มีประสิทธิภาพจริง หรืออาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อหนังศีรษะ ดังนั้น การเลือกใช้ยาที่ได้รับการรับรอง และปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้มั่นใจว่าการรักษาจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
การรักษาผมร่วง ผมบาง ไม่ได้มีเพียงแค่การใช้ยาปลูกผมเพียงอย่างเดียว แต่สามารถเสริมประสิทธิภาพได้ด้วยวิธีการรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสม ซึ่งช่วยกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่ และฟื้นฟูหนังศีรษะให้แข็งแรงขึ้น มาดูกันว่ามีทางเลือกไหนบ้างที่สามารถใช้ร่วมกันได้
เป็นเทคนิคปลูกผมที่ใช้การตัดหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาเป็นชิ้น จากนั้นนำไปแยกกราฟผมแล้วปลูกใหม่ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผมในปริมาณมากในครั้งเดียว และไม่กังวลเรื่องรอยแผลเป็นด้านหลังศีรษะหรือการพักฟื้น
เป็นวิธีปลูกผมที่ได้รับความนิยม โดยใช้เทคนิคเจาะกราฟผม (Hair Graft) ออกจากด้านหลังศีรษะทีละหน่วย แล้วนำไปปลูกใหม่ในบริเวณที่ต้องการ ไม่มีรอยแผลเย็บ เหมาะสำหรับผู้ที่มีผมบางจากพันธุกรรม และไม่ต้องการพักฟื้นนาน
เทคนิคปลูกผมของ Dr.Orn Clinic : Medical Hair พัฒนามาจากเทคนิค FUE เน้นการมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย หัวเจาะกราฟขนาดเล็ก มีเทคนิคคัดแยกกราฟ หั่นกราฟ วิธีถนอมกราฟผมให้มีอัตราการรอดที่สูง รวมถึงใช้ปากกาปลูกผมที่จำเพาะกับเส้นผมแต่ละประเภท เพื่อให้เข้ากับลักษณะเส้นผมและหนังศีรษะของผู้เข้ารับบริการ การเลือกทำเทคนิคนี้จะช่วยทำให้ผลลัพธ์การปลูกดีขึ้น พักฟื้นระยะสั้น เจ็บน้อย นอกจากนี้ เทคนิคนี้ผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกวิธีการตัดผมบริเวณท้ายทอยได้ ดังนี้
สำหรับการทำเทคนิค Long hair จะใช้เวลาเก็บรากผม คัดแยก หั่นกราฟ และปลูกผมที่ยากกว่าเทคนิคอื่น ราคาต่อกราฟจะสูงกว่าเทคนิคอื่น ๆ แต่ผู้เข้ารับบริการจะได้เห็นเส้นผม ทิศแนวไรผมหลังปลูกทันที การพักฟื้นระยะสั้น และใช้ชีวิตง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องปกปิดแนวกราฟที่ปลูก
โปรแกรม Low Level Laser Therapy เป็นการรักษาด้วยแสงเลเซอร์พลังงานต่ำ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ ทำให้รากผมได้รับสารอาหารมากขึ้น และช่วยยืดอายุของเส้นผม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง หนังศีรษะอักเสบ ขุยรังแค
ทางเลือกการรักษาปัญหาผมร่วง ผมบางด้วยการใช้เนื้อเยื่อรากผมและเนื้อเยื่อไขมันของผู้เข้ารับบริการมาสกัดพร้อมฉีดรักษาทั่วบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหา เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถปลูกผมได้ หรือสามารถทำควบคู่ไปกับการปลูกผมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นได้ค่ะ
ทาง Dr.Orn Clinic : Medical Hair มีแนวทางที่พัฒนา Standard PRP เป็นวิธีที่เรียกว่า BPA (Blood Platelet Activation) การทำ BPA ผม เป็นการใช้เลือดของผู้เข้ารับบริการมาผ่านกระบวนการคัดแยกเกล็ดเลือดเข้มข้นที่มีคุณสมบัติซ่อมแซมเซลล์ เพื่อนำมาฉีดบริเวณหนังศีรษะที่มีปัญหาเพื่อบำรุงรากผม ลดผมร่วง ลดการอักเสบบริเวณหนังศีรษะ มีความแตกต่างจาก PRP ปกติตรงเครื่องที่ใช้ในการแยกชั้นเลือด จำนวนรอบปั่นเลือด การเก็บ และวิธีการฉีดลงหนังศีรษะ จะได้ปริมาณเกล็ดเลือดที่เข้มข้นสูง ทำให้ไม่จำเป็นต้องมาทำบ่อย สำหรับความถี่ที่แนะนำคือควรทำ BPA ทุก 1-3 เดือน ติดต่อกัน 3-5 ครั้ง ร่วมกับใช้วิตามินบำรุงผมแบบทาและแบบรับประทาน เพื่อช่วยเสริมฤทธิ์หลังทำ
การปลูกผมที่ Dr.Orn Clinic : Medical Hair ไม่ใช่แค่การเติมเส้นผมให้ดูหนาขึ้น แต่เป็นการรักษาปัญหาผมร่วงตั้งแต่ต้นตอด้วยแนวทางเฉพาะบุคคล เรามุ่งเน้นให้ลูกค้าได้รับการดูแลที่ดีที่สุด ผ่าน 2 องค์ประกอบหลักที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ยาปลูกผมบางประเภทสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป เช่น ยาปลูกผม Minoxidil ที่มาในรูปแบบทา แต่ยากินกลุ่ม Anti-DHT เช่น ยาปลูกผม Finasteride หรือ Dutasteride ต้องมีใบสั่งจากแพทย์ค่ะ
ขึ้นอยู่กับประเภทของยา ยาทาภายนอก เช่น Minoxidil สามารถซื้อได้เอง แต่ยากินกลุ่ม Anti-DHT อาจต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นค่ะ
โดยทั่วไป ยาปลูกผมไม่ได้ส่งผลต่อไตโดยตรง แต่หากมีโรคประจำตัว หรือใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เพื่อลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงค่ะ
ยาปลูกผมเป็นหนึ่งในวิธีฟื้นฟูเส้นผมที่ได้รับความนิยมสูงมาก แต่การใช้ให้ได้ผลต้องมาพร้อมกับความเข้าใจที่ถูกต้องค่ะ ปัจจัยต่าง ๆ เช่น สาเหตุของผมร่วง สภาพร่างกาย และวิธีการใช้ ล้วนส่งผลต่อประสิทธิภาพของยา นอกจากนี้ ยังสามารถเสริมการรักษาด้วยเทคนิคทางการแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้อีกด้วย
หากต้องการดูแลเส้นผมอย่าลืมนึกถึง Dr.Orn Clinic : Medical Hair เป็นคลินิกดูแลเส้นผมที่มาพร้อมนวัตกรรมและการรักษาที่ทันสมัยโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ที่คลินิกมีโปรแกรมการรักษาเส้นผมแบบต่างๆ อาทิ บริการปลูกผมถาวร (Hair Transplantation) โปรแกรมฟื้นฟูเส้นผม (Treatment Program) และผลิตภัณฑ์ Cosmetic Medical Grade ที่พัฒนาโดยแพทย์ที่ดูแลปัญหาเส้นผมแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณกลับมามีความมั่นใจจากการมีสุขภาพผมที่ดีค่ะ
สนใจติดต่อสอบถาม